วันเสาร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Guide[P]ตอน...แห่เทียนอุบล เพราะบ้า หรือ? ศรัทธา!!!

ทักทาย

สวัสดีครับผู้อ่าน!! หลายๆ อาจจะเคยดูTV และหลายๆ เคยไปสัมผัสกับประเพณีแห่เทียนจังหวัดอุบลราชธานี กันมั่งแล้ว ผู้เขียนก็ได้มีโอกาสได้ไปชม และเก็บภาพประทับใจอยู่เหมือนกัน เรื่องก็มีอยู่ว่า ผู้เขียนทำงานหนักมากในวันนั้นแล้วเหนื่อย กลับห้องแล้วอาบน้ำนอน และฝันถึงว่ามีขบวนเทียนเล็กๆ ผ่านมาที่หน้าบ้านผู้เขียน เป็นฝันที่จำได้เลือนๆ และวันรุ้งขึ้นก็ไปเรียนตามปกติ เมื่อถึงตอนเย็น ผู้เขียนก็จะไปอาศัยห้ององค์การนิสิต เพื่อไปพบพะกับเพื่อนๆ และแลกเปลี่ยนสิ่งประหลาดใจในแต่ละวันและกัดกันเป็นประจำ หิว!! หิวอะไรพึ่งกินข้าวไป ไปกินนมกัน

ก็เลยได้ไปนั้งคุยกันที่ร้านนมแห่งหนึ่งในมหาวิทยาลัยของเรา กินไปกินมาเลยจับกล้องมาถ่ายรูปกัน(อันที่จริงอยู่ที่ไหนก็ถ่ายเล่นกันตลอด) แล้วผู้เขียนได้นึกถึงความฝันเมื่อคืน ก็เลยเอ่ยปากชวนเพื่อนๆ ไปชมงานแห่เทียนกัน!! ตกปากรับคมกัน 4-5 คน ยัง!! ยังไม่พอ ยังเอาลงเฟคบุ๊กและได้เพิ่มมาอีก สองคน!! (ไม่ขอเอ่ยนามละกัน)

เมื่อใกล้วันก็ได้ติดต่อเพื่อนที่คุยกันไปวางแผ่นเที่ยวกันที่ร้านนมแห่งเดิม ถามใครก็ ติดเรียน ติดสอบ กุยังไม่กลับบ้านเลยมึง ไม่มีเงิน กลัวดำ!! สารพัดคำตอบ แต่ผู้เขียนก็คิดเพียงแค่เป็นการดีที่จะไปคนเดียว เพราะถ้าไปคนเดียวก็สบาย ดูแลตัวเองคนเดียวไม่ต้องเป็นห่วงใครและดูแลใคร

ที่ชื่อเรื่องว่า “Guide[P]ตอน...แห่เทียนอุบล เพราะบ้า หรือ? ศรัทธา

ทำไมต้องคำนี้ ต้องบอกว่า ผู้เขียนไปคนเดียวครับ! บ้าเพราะกล้าไปคนเดียว ทำไมอะใครๆ ก็ทำกัน ศรัทธา เพราะแค่ฝันก็ได้ทำตามฝัน ไม่มั่ง อยากไปอยู่แล้วนิ ผู้เขียนได้เดินทาง จากมหาสารคาม ตามคำแนะนำของเพื่อนที่ร้านนม ไปถึงอุบลอย่างปล่อดภัย!!
แต่เริ่มเดินทางตั้งแต่ 6 โมงเช้า โดยขึ้นรถ กรุงเทพอุบล เป็นรถ ป.2 ที่คนทั้งคนหน้าตาไม่ ป.2 เลย ขึ้นไปแล้ว คนเติม!!ครับพี่น้อง แต่ยังเหลือเก้าอี้เสริมว่าง ที่เดียวพอดี รถออกได้ 5 นาทีก็จอดรับคนอีก คนที่ขึ้นก็เป็นรุ่นราวคราวเดียวกันกับยายของผู้เขียน ยืนก็มายืนต่อหน้า ผู้เขียนทนไม่ไหวก็ได้ยืนให้ คุณยายนั่ง เป็นบรรยากาศดีๆ ตอนเช้าที่ได้ทำดี แต่ที่ไหนได้!! กว่าจะมีคนลงรถเนี้ย รถเดินทางถึง สองชั่วโมงกว่า ถึง ยโสธร เล่นเอาขาแทบสั่นได้นั่งก็หลับยาวไปถึงอุบล สี่โมงเช้า จะไปไหนดีว่ะ รำพึงอยู่ในใจ เอาว่ะ! ไปทุ่งศรีเมืองก่อนละกันอย่างอื่นค่อยว่ากัน "


คำบอกเล้าของคนท้องถิ่น

จากคนบอกเล่าของเพื่อนที่บ้านของมันอยู่อุบล มันก็บอกว่า ทุ่งศรีเมืองก็เหมือนกันลานเต้นแอโรบิกนั้นละมึง แต่มันอยู่กลางเมือง ก็เลยถามน้าสองแถวว่า ไปทุ่งศรีเมืองที่เล็กที่เขาแห่เทียนกันอะครับ นั่งหน้าเลยถามตลอดทาง น้าสองแถวถามว่า จะไปลงส่วนไหน ตลาด รึว่าศาลหลักเมือง ตัวผมเองก็มาอุบลครั้งแรกก็เลยบอกว่าที่ไหนก็ได้ครับ ^^ ลงรถแล้ว อ้าวตลาดอยู่ตรงนี้ แล้วลานแอโรบิกล่ะ ผู้เขียนเองเลยเดินอ้อมตลาดหาทุ่งศรีเมือง แม่ค้าแถวนั้นบอกว่า ต้องเดินออกไปตรงตึกเก่าแล้วเลี้ยวซ้ายมือก็ถึง โหโคตรไกล!!” ผู้เขียนอุทานอยู่ในใจ เดินไปคิดซะว่าศึกษาสถานที่ไปในตัวละกันพอถึงทุ่งศรีเมืองก็เห็นต้นเทียนจำลอง ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่สนามด้านซ้ายมือเป็น ศาลหลักเมือง ตรงกลางเป็นลานเทียนพระราชทาน ให้ผู้คนได้ถ่ายรูปกัน

ตัวผู้เขียนเอง ขอเดินเล่นรอบๆ งานก่อนละกัน งานก็มีนิทรรศการ อาหาร และการหล่อเทียนแบบต่างๆ ภาพที่เห็นเป็นแบบนี้!!

ท้องถิ่นเรียกอะไรไม่รู้ แต่ผมขอเรียนว่า ลานต้นเทียน

ปติมากรรมเทียนร่วมสมัย ที่แต่ละประเทศก็มาทำเทียนเป็นสัญลักษณ์ประจำประเทศและมีความหมายดีกัน ผู้เขียนขอยกมาสองตัวอย่างล่ะกันนะครับ^^

นี้เรียกกันว่า หมากโพธิ์ศรี เป็นผลของต้น แต่ก่อนใช้ในการทำพิมพ์เทียนในการประดับต้นเทียนในสมัยก่อน วิธีการคือแกะให้เหลือเมล็ดและนำไปจุ่มเทียนเหลวและนำไปแช่น้ำแกะออกก็จะได้รูปดังภาพ

วัดทุ่งศรีเมือง มีรอยพระพุทธบาท

คืนนี้จะทิ้งชีวิตไว้ที่ไหนดี

อ้าว! ยังไม่มีที่นอนเลยนิหว่า!” บนในใจ ผู้เขียนเลยตัดสินใจเดินหาที่พักใกล้ๆบริเวณนั้นเพื่อนที่จะไม่ได้ไกลจากงานมากนัก จากคำบอกเหล่า จากเพื่อน ถ้ามึงไม่จองเป็นเดือนๆ มึงไม่มีที่อยู่หรอก ยิ่งหน้าเทศกาลขนาดนี้ไม่มีหรอกมึง แนะนำไปหาวัดนอนกางเต้นมันเลย ผู้เขียนไม่ได้เอาเต้นไปด้วยล่ะสิ เอาว่ะไม่มีที่นอนก็ไม่นอนละกัน เลยเดินเล่นรอบอุบลเลยไปทุกวัด เลยล่ะกันเที่ยวไปดูแห่เรือ และอื่นๆ อีกมากมายที่นั้น

จากการถามชาวบ้าน แถวนั้นได้ใจความว่า แต่ละคุ้มวัดจะนำเทียนมาร่วมกันที่ถนนหน้าเทศบาลนครเมืองอุบลตอนเย็นๆ ประกวดกัน

1.ประเภทแกะสลักขนาดใหญ่ และเล็ก

2.ประเภทติดพิมพ์ขนาดใหญ่ และเล็ก

3.ประเภทเทียนโบราณ

4.ประเภทศิลปินรุ่นใหม่ สืบสานตำนานเทียนเมืองอุบลราชธานี

ตัดสินใจดูแผนที่แล้วเดินทั่วเมืองอุบลแล้วกลับมาดูตอนเย็นอีกที

บ่ายแก่ๆแล้วเหนื่อยและง่วงนอนมากเลย เดินไปเดินมาเห็นห้องสมุดประชาชน ของ จ.อุบล เลยแวะเข้าไปดูหน่อย! ดูไปดูมาหลับเลยไม่ห่วง กล้อง กับกระเป๋าเลย ร่วมๆแล้วหลายหมื่นอยู่เหมือนกัน แคนอุบลนิสัยดีครับได้ลักขโมงของผู้เขียน^^

ตื่นขึ้นมาอีกที่ ทุ่มกว่า! เลยเดินออกจากห้องสมุดอย่างงัวเงีย แบกเป้สะพายกล้องคู่ใจเดินออกมาเจอ รถเทียนที่กำลังเตรียม ขบวนแห่กันช่วงค่ำ จากการสอบถาม ผู้เขียนได้ทราบว่า การแห่เทียนช่วงค่ำปีนี้เป็น 2ปีแล้ว และจะทำอย่างต่อเนื่อง ภาพนี้ที่ถ่ายมาฝาก อาจจะบรรยาย บรรยากาศ ได้ดีกว่า

ความเป็นห่วงของเพื่อนข้างหลัง

ในช่วง คณะที่เดินภายในงานก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น อ๋อ..เพื่อนทีชมรมโทรมาถามว่า เฮ้ย! พ็อต มึงมีที่นอนรึยังว่ะ ผมเลยตอบออกไปว่า ยังเลยมึง!!” เออ เอางี้เดียวกูโทรถามยายกุให้ เพื่อนตอบ! และรอสักพัก ก็โทรมา ถามผู้เขียนว่า เออ มึงนอนบ้านพี่กุได้ไหมอะ แต่มันห่างงานมากพอดูอยู่ ผู้เขียนเลยตอบว่า ถ้าไกลมากก็ไม่เป็นไรหรอกมึง เดียวกุไปนอนวัดก็ได้ไม่มีปัญหา เพื่อนผู้เขียนเลยพูดอีกว่า งั้นมึง ก็ไปนอนที่โรงพยาบาล รึไม่งั้นก็ไปนอน ร้านเกมส์ก็ได้แถวนั้นมันเปิด 24 ช.ม.อยู่ ผู้เขียนเลยเกิดความคิดดีๆ ว่าไปร้านเกมส์ดีกว่าราคาถูกนอนได้เหมือนกัน และยังมีที่ชาร์ตแบตกล้องด้วย “OK มึงไม่มีปัญหา ถ้ากูมีอะไรเดียวกูโทรหามึงล่ะกัน ผู้เขียนบอกเพื่อนทางโทรศัพท์ และวางสายไป จากนั้นก็เดินไปดูขบวนแห่ในชั่วค่ำและมีฝนโปรยปรายอย่างต่อเนื่องแต่ไม่แรงมากนัก

จากนั้นก็ได้สอบถามถึงกำหนดการของวันพรุ่งนี้ จากจุดประชาสัมพันธ์ เชื่อไหมว่า คนที่อธิบายขบวนแห่เทียนช่วงค่ำคือเด็กที่อายุไม่เกิน18ปี! ผู้เขียนจึงมองกลับไปดูช่วงเวลาที่ผู้เขียนอายุรุ่นราวคราวเดียวนั้นทำอะไร บอกได้อย่างเดียวว่าอายสุดๆ!

โรงแรมราคา 60 บาท

อ้าว...แป๊บเดียว! ดูเวลา 5ทุ่มกว่าแล้ว แห่เทียนช่วงค่ำเสร็จ ก็หาอะไรกิน ที่ที่ไว้ใจที่สุดคือ 7-11 เพาะราคาทุกที่เท่ากันและสะดวกว่าด้วย!! เดินๆ เจอร้านเกมส์ ชื่อร้าน 29 Internet พี่เจ้าของร้ายใจดีมากเลยครับ เป็นกันเองมาก ก็เลยเข้าไปซื้อชั่วโมงเน็ต 6 ชั่วโมง 60 บาท! (ผู้เขียนคิดเล่นในใจว่า ถูกกว่าโรงแรมหลายเท่ามีเบาะปรับนอนได้และยังมีเกมส์เล่นอีก ห้องน้ำพร้อมอาหารอื้อ เอาละอยู่สบายๆ) ขณะนั้นได้เล่นและอ่านบทความในเวปก็เผลอหลับไป ช่วงประมาณ ตีหนึ่งกว่าๆ ตื่นอีกทีก็ หกโมงแล้วเอาละชั่วโมงเน็ตที่เลยก็หมดแล้ว ไปอาบน้ำดีกว่า ผู้เขียนตื่นด้วยความงัวเงีย และลุกขึ้นไปอาบน้ำพร้องเป้ใบใหญ่และกระเป๋นกล้องที่หนักอึ้ง เวลานี้ไว้ใจใครไม่ได้หรอกครับ ตนเป็นที่พึ่งของตน ผู้เขียนคิดอย่างนี้ ก็เตรียมตัวเรียบร้อย อาบน้ำ ชาร์ตแบตเตอรี่กล้อง รองเท้า และเป้ใบใหญ่ มีคำพูดที่ผู้เขียนชอบพูดก่อนจะไปใหนว่าใหน คำว่า ล็อกแล้วลุย!!!!! ”


วันสุดท้ายของความทรงจำ

ตื่นแล้วดูเวลา ก็ตีห้าห้าสิบ เดินออกจากร้านเกมส์และอำลาพี่เจ้าของร้าน และเดินทางด้วยเท้ามุ่งตรงไปที่ ทุ่งศรีเมือง เมื่อไปถึง
ก็เจอกับผู้คนที่ตื่นเช้ามาชื่นชม รถเทียนของแต่ละอำเภอ แต่ละวัด บอกได้คำเดียวว่าเยอะจริง ตัวผู้เขียนเองตื่นเช้าสองโมงไปเรียนยังลำบากเลย แต่ที่วันนี้ตื่นเช้าเพราะแกรงใจพี่เจ้าของร้านเกมส์และอย่างถ่ายรูปรถเทียนแบบไม่มีคนมั่ง เสียดายจริงๆครับ!

ในเวลานั้นก็ได้เดินถ่ายรูปช่วงเช้า ฟ้าครึ้ม มีแสงเล็กน้อยเป็นอุปสรรคต่อการถ่ายภาพพอดู


เมื่อขบวนแห่เริ่ม เก็บเปิดตัวด้วยต้นเทียนของวันที่ชนะเลิสที่หนึ่ง ประเภทแกะสลักขนาดใหญ่ อลังการ มากครับ
และก็เป็นการแสดงฟ้อนรำ
และวิถีชีวิตเช้าบ้านของจังหวัดอุบล เก็บภาพมาฝาก

โชว์นี้ โหดที่สุดเลยครับ เป็นการฟ้อนแบบถ่อยหลังและสงเสียงร้องดังและมีเครื่องดนตรีสองอย่างคือ ฆ้องกับกล้องเล็กๆ จากคำอธิบายของโฆษกบอกว่าเป็นประเพณีของหมู่บ้านหนึ่งในอุบลที่นับถือพระยาแถน บอกได้ทำเดียวว่าขนลุก

เมื่อขบวนแห่เริ่ม เก็บเปิดตัวด้วยต้นเทียนของวันที่ชนะเลิสที่หนึ่ง ประเภทแกะสลักขนาดใหญ่ อลังการ มากครับ และก็เป็นการแสดงฟ้อนรำ และวิถีชีวิตเช้าบ้านของจังหวัดอุบล เก็บภาพมาฝาก

สุดท้ายนี้เมื่อเสร็จงานแห่ช่วงเช้าเลยได้เดินทางกลับมหาสารคามทันที่

สิ่งที่ได้จากทริปนี้ ที่ผู้เขียนว่าสำคัญต่อผู้ที่จะเดินทางไปชม หรอไปเทียวที่ไหนสักที่คือ

1.ประเพณีคือสิ่งที่ปฏิบัติกันมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีหลักความดีและศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้อง

2.ได้มิตรภาพของตำรวจและประชาชนแถวนั้นที่มองความรู้และความสุขให้เมื่อเวลาเหงาไม่มีเพื่อนคุยผู้เขียนก็เดินคุยแทบทุกคนที่เดินผ่านมา

3.ภาพสวยๆ(รึป่าว) และเป็นส่วนหนึ่งในงานแห่เทียน’53

นี้เป็นสิ่งที่อยากเตือนผู้อ่าน ก่อนที่จะเดินทางไปไหนมาไหน?

1.สำภาระ หรือว่าของมีค่าห้ามไว้ใจใคร

2.ไปที่ใดควรศึกษาพื้นที่ก่อนเดินทาง แล้วเตรียมแผนที่ให้พร้อม

3.เตรียมอุปกรณ์การเดินทางให้พร้อมและตรวจดูก่อนออกเดินทาง

แม้นดอกไม้ที่เกิดขึ้นกลางป่าใหญ่ จะไม่สวยเลิศเลอเหมือนดอกไม้ที่เกิดอยู่ในกระถางที่มีการดูแลเอาใจใส่ตั้งแต่เป็นเมล็ดจนเป็นดอกไม้ที่สวยงามในกระถางใบหรู แต่ดองไม้กลางไพร หรือดอกไม้ข้างถนน ย่อมมีสิทธิ์ที่จะเลือกอวดสายตาให้ใครต่อใครได้ชื่นชม

ดอกไม้ ในกระถางใบหรูอวดคนดูที่เดินผ่านไปผ่านมา

ดอกไม้ ข้างถนนอวดสายตาของคนจนที่นั่งมองอย่างตาลอยไปวันๆ

แต่ผู้เขียนขอเลือกที่จะเป็น ดอกไม้กลางไพร ที่อวดสายตาสัตว์นาๆ ชนิดและขอเป็นอาหารของสัตว์ป่า เพื่อประโยชน์สูงสุดของสังคม ที่ให้เราได้เกิดมา!!

sniper~*

ให้กำลังใจหรือติชมได้ที่ สิ่งที่ทำก็ต้องการกำลังใจจากทุกๆ คนอยู๋นะครับ!!